โรคเกาต์ วิธีรักษาด้วยตนเอง

วันอาทิตย์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2551

@@@@คุณรู้ไหมว่าความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งมาจากปัญหาการกินของเรา เพราะว่าถ้ากินไม่ดีก็เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น แต่ถ้ารู้จักเลือกกินให้เหมาะสม จะทำให้คุณสามารถห่างไกลโรคได้ ซึ่งโรคเกาต์ก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่เกิดจากปัญหาในเรื่องอาหารการกิน วิธีการป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคเกาต์ที่ดีที่สุดคือ หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง เพราะว่าจะทำให้เกิดการอักเสบของข้อขึ้นอีก

@@@@โรคเกาต์ เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการปวดตามข้อชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของกรดยูริกภาย ในข้อ และประกอบกับการที่มีปริมาณกรดยูริกสูงด้วย คนแต่ละวัยก็มีระดับกรดยูริกในเลือดที่แตกต่างกันได้ เช่น ผู้หญิงวัยก่อนหมดประจำเดือนที่จะมีระดับกรดยูริกในเลือกสูงกว่าคนในวัยอื่น ๆ และนอกจากนี้ยังพบว่า ผู้ชายมีโอกาสเป็นโรคเกาต์มากกว่าผู้หญิงอีกด้วย

@@@@โดยปกติแล้วร่างกายจะได้กรดยูริกมาจาก 2 แหล่งคือ 1. ร่างกายสังเคราะห์ขึ้นเอง โดยการสลายตัวของเซลล์ตามอวัยวะต่าง ๆ แต่ในบางคนที่ป่วยเป็นโรค เช่น มะเร็งเม็ดเลือดขาว ธาลัสซีเมีย จะทำให้มีการสลายตัวของเซลล์ในร่างกายที่มาผิดปกติ 2. จากการกินอาหารบางชนิดที่สารพิวรีนสูง ซึ่งสารชนิดนี้เมื่อกินเข้าไปแล้ว จะย่อยสลายกลายเป็นกรดยูริก ซึ่งสารพิวรีนนี้พบมากในเนื้อสัตว์ปีก เช่น เนื้อไก่ เครื่องในสัตว์ ถั่วต่าง ๆ

@@@@คนที่เป็นโรคเกาต์ถ้าไม่ได้รับการรักษาอาการจะค่อย ๆ กำเริบ โดยเจ็บปวดที่ข้อเดิมก่อน แล้วจะเป็นที่ข้ออื่น ๆ ตามมา จนกระทั่งเป็นเกือบทุกข้อทั่วร่างกาย อาการปวดจะถี่ขึ้นและนานขึ้น จนเกิดอาการปวดตลอดเวลา ถ้าควบคุมไม่ได้จะพบว่า ข้อที่เคยอักเสบบ่อย ๆ กลายเป็นปุ่มก้อนขึ้นมา เนื่องจากการสะสมของกรดยูริกภายในข้อจำนวนมาก จนบางครั้งข้อที่ปวดนั้นเกิดการแตกออก และมีสารขาว ๆ คล้ายชอล์ก หรือยาสีฟันไหลออกมากลายเป็นแผลเรื้อรัง และในที่สุดข้อต่าง ๆ จะค่อย ๆ พิการ และใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ยังอาจทำให้เกิดนิ่วในไตตามมาได้อีกด้วย

@@@@อาหารที่มีพิวรีนน้อย ได้แก่ ธัญพืชต่าง ๆ ไข่ นม และผลิตภัณฑ์จากนม ผัก และผลไม้เกือบทุกชนิด (0-50 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
@@@@อาหารที่มีพิวรีนปานกลาง ได้แก่ ข้าวโอ๊ต เนื้อหมู เนื้อวัว ปลากะพงแดง ปลาหมึก ปู ถั่วลิสง ถั่วลันเตา หน่อไม้ ใบขี้เหล็ก สะตอ ผักโขม (50-100 มิลลิกรัมต่ออาหาร 100 กรัม)
@@@@อาหารที่มีพิวรีนสูง ได้แก่ เครื่องในสัตว์ เนื้อสัตว์ปีก ปลาดุก ปลาซาร์ดีน ปลาไส้ตัน กุ้ง ไข่ปลา น้ำต้มกระดูก น้ำสกัดเนื้อ ซุปก้อน กะปิ ชะอม กระถิน สะเดา เห็ด (150 มิลลิกรัมขึ้นไปต่ออาหาร 100 กรัม) วิธีป้องกันและบรรเทาอาการเจ็บป่วยจากโรคเกาต์ที่ดีที่สุดคือ การระมัดระวังในการเลือกรับประทานอาหาร หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีพิวรีนสูง เพราะว่าจะทำให้เกิดการอักเสบของข้อขึ้นอีก อาหารที่ผู้เป็นโรคเกาต์ควรรับประทานให้มากคือ
@@@@1. อาหารจำพวกข้าว แป้ง เพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอในการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยไม่ต้องเผาผลาญโปรตีนที่มีอยู่ในกล้ามเนื้อ เพื่อให้เป็นพลังงาน เพราะว่าการเผาผลาญโปรตีนในลักษณะนี้จะทำให้มีการสลายกรดยูริกออกมาในกระแสเลือดมากขึ้น
@@@@2. คนเป็นโรคเกาต์ควรระวังไม่รับประทานอาหารจำพวกเนื้อสัตว์มากเกินไป เพราะว่าเนื้อสัตว์เป็นแหล่งของโปรตีน ทำให้เกิดกรดยูริกได้มาก เช่นเดียวกันกับการทานอาหารไม่เพียงพอ แล้วร่างกายใช้โปรตีนที่สะสมอยู่ในกล้ามเนื้อนั่นเอง จะทำให้เกิดอาการกำเริบได้
@@@@3. การดื่มน้ำมาก ๆ จะช่วยป้องกันการสะสมของกรดยูริก และทำให้เกิดการขับกรดยูริกทางปัสสาวะมากขึ้น และสามารถป้องกันโรคนิ่วในไตได้อีกด้วย
@@@@4. นอกจากนี้ การรับประทานผัก และผลไม้ชนิดต่าง ๆ ให้มากขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี เพราะช่วยให้ปัสสาวะมีสภาวะเป็นด่าง ลดความเป็นกรด ส่งผลให้เกิดการขับปัสสาวะมากขึ้น เมื่อรู้ว่าเป็นโรคเกาต์แล้ว ควรปฏิบัติตนอย่างไร กินอาหารอย่างไร อะไรที่กินได้ อะไรที่ควรหลีกเลี่ยง ก็จะช่วยลดอาการเจ็บปวดลงได้ และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอาการเรื้อรังได้อีกเช่นกัน ดังนั้นหันมาใส่ใจกับอาหารที่เรากินกันเสียตั้งแต่วันนี้จะดีกว่า เพื่อจะได้มีสุขภาพที่แข็งแรงปลอดภัยจากโรคร้ายต่าง ๆ

ที่มา : ku.ac.th

0 ความคิดเห็น: